1. อาการคันจมูกน้ำมูกไหล
อาการคันจมูกน้ำมูกไหล เป็นอาการทางจมูกที่พบเจอได้บ่อยที่สุดซึ่งมีสาเหตุได้หลากหลาย ไม่ว่าจะจากไข้หวัดใหญ่ที่มักจะมีอาการไข้หนาวสั่นร่วมด้วย หรือการหายใจเอาสารก่อภูมิแพ้ ทำให้ร่างกายพยายามขับสิ่งแปลกปลอมออกมาในรูปแบบน้ำมูกใส เป็นปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเพื่อป้องกันเชื้อโรคผ่านระบบทางเดินหายใจไปสู่ส่วนอื่นๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการต้องจามและสั่งน้ำมูกตลอดวันก็ชวนให้รู้สึกรำคาญใจและใช้ชีวิตไม่สะดวกอยู่พอตัว การดูแลร่างกายให้กลับมาแข็งแรงไวๆย่อมดีกว่า
วิธีดูแลตัวเองตอนน้ำมูกไหล
แม้ว่าจะเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกาย แต่การดูแลความสะอาดภายในโพรงจมูกตอนมีน้ำมูกไหลโดยการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือปราศจากเชื้อที่มีโซเดียมคลอไรด์ 0.9% อย่างน้ำเกลือฉลากเขียวคลีนแอนด์แคร์ที่ผลิตด้วยเกลือจากนิวซีแลนด์ชะล้างน้ำมูก เชื้อแบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้เป็นทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะการล้างจมูกหลังจากพบเจอมลภาวะทางอากาศอย่างฝุ่นควัน หรือเมื่อหายใจรับสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกาย นอกเหนือจากนี้ การทานซุปอุ่นๆ และดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน ก็ช่วยให้ร่างกายรับมือกับอาการป่วยได้ดีและฟื้นตัวได้ไวขึ้น
2. อาการคัดจมูก (Nasal Congestion)
อาการจมูกตัน แน่นในจมูกจนหายใจไม่ออกหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าคัดจมูกนั้น ล้วนพาซึ่งความไม่สบายตัว และมีโอกาสเกิดขึ้นได้เมื่อร่างกายได้รับเชื้อหวัด เชื้อไข้หวัดใหญ่ ติดเชื้อในเยื่อบุไซนัสหรือโพรงจมูก รวมทั้งเมื่อร่างกายเผชิญกับสารก่อภูมิแพ้ สูดดมสารเคมีอันตราย ก่อให้เกิดน้ำมูกตกค้างอยู่ภายใน ส่วนใหญ่สามารถหายได้เองในหนึ่งสัปดาห์แต่การดูแลความสะอาดของจมูกเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคย่อมเป็นวิธีที่ดีกว่า
วิธีดูแลตัวเองช่วงที่คัดจมูก
สิ่งสำคัญของการดูแลตัวเองช่วงที่มีอาการคัดจมูกคือการทำให้โพรงจมูกชุ่มชื้นอยู่เสมอเพราะถ้าโพรงจมูกแห้งเกินไปอาจระคายเคืองได้ง่ายทำให้อาการคัดจมูกรุนแรงขึ้น ใช้สเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูก ที่มีโซเดียมคลอไรด์ 0.9% เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้โพรงจมูก ทำให้น้ำมูกนิ่มลง สามารถเช็ดหรือสั่งน้ำมูกออกมาได้ง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยให้เด็กทารกและเด็กเล็กที่กำลังเริ่มล้างจมูกหรือยังไม่สามารถล้างจมูกได้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญคือพกพาง่าย ใช้ได้บ่อยครั้งตามต้องการ นอกจากนี้การใช้เครื่องพ่นไอน้ำเพื่อเพิ่มความชื้นในสภาพแวดล้อมและการนอนหมอนสูงเพื่อให้น้ำมูกไม่ตกค้างในโพรงจมูกง่ายขึ้นก็เป็นทางเลือกเพิ่มเติมที่ช่วยอาการจมูกคัดให้หายได้ไวขึ้น
3. อาการจมูกแห้ง
อาการจมูกแห้ง แสบจมูกจนรู้สึกหายใจไม่ถนัด มีอาการปวดหัวและคอแห้งร่วมด้วย เกิดขึ้นได้เมื่อเราสั่งน้ำมูกบ่อยครั้งเกินไป น้ำมูกไหลจากไข้หวัดหรือภูมิแพ้ ผู้ที่อาศัยอยู่ในสภาพอากาศแห้ง สภาพอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นควัน รวมทั้งผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ ล้วนทำให้รู้สึกไม่สบายเนื้อตัวทั้งหมด สิ่งสำคัญคือหากมีอาการดังกล่าวนานเกินกว่า 10 วัน มักจะมีไข้และเลือดไหลในจมูกตามมาด้วย ซึ่งควรพบแพทย์โดยทันที
วิธีดูแลตัวเองเมื่อมีอาการจมูกแห้ง นำ้เกลือล้างแผลล้างจมูกได้ไหม
แน่นอนว่าวิธีที่ง่ายและเร็วที่สุดในการดูแลตัวเองเมื่อมีอาการจมูกแห้งคือการใช้น้ำเกลือปราศจากเชื้อในการล้างจมูกเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้โพรงจมูกด้วยอุปกรณ์ล้างจมูกประกอบไปด้วยน้ำเกลือฉลากเขียววคลีนแอนด์แคร์ จุกล้างจมูกและ ไซรินจ์ โดยเฉพาะเมื่อเป็นน้ำเกลือที่มีโซเดียมคลอไรด์ 0.9% จะช่วยดูแลความสะอาดและชะล้างสิ่งสกปรกตกค้างในจมูก หรืออาจเลือกใช้ตัวช่วยที่ง่ายขึ้นอย่างสเปรย์น้ำเกลือ นอกเหนือจากนี้การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วจะช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆอย่างเพียงพอ ระหว่างนี้ควรงดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ง่าย
4. อาการจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis)
อาการจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ไข้ละอองฟาง (Hay Fever) เกิดขึ้นได้เมื่อร่างกายหายใจสิ่งแปลกปลอมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้เข้าไป ไม่ว่าจะเป็นละอองของเชื้อรา เกสรดอกไม้ ละอองพืชหรือต้นไม้บางชนิด ขนของสัตว์เลี้ยงหรือไรฝุ่นในบ้าน ทำให้เกิดอาการจาม แน่นจมูก มีน้ำมูกใส และคันในจมูกจนน้ำตาไหล ซึ่งเป็นสาเหตุให้เยื่อบุโพรงจมูกบวมแดงเพราะอักเสบและระคายเคืองนั่นเอง ซึ่งอาการจมูกอักเสบถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เป็นไซนัสอักเสบตามมาได้อีกด้วย เพราะเยื่อบุโพรงจมูกที่อักเสบจนบวมแดงอาจเกิดการสะสมของเชื้อโรค เห็นได้จากน้ำมูกที่เป็นสีเขียวเหลืองและมีอาการปวดหัวร่วมด้วย
วิธีดูแลตัวเองช่วงจมูกอักเสบ
หลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้และรักษาความสะอาดของโพรงจมูกโดยการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือคลีนแอนด์แคร์ น้ำเกลือฉลากเขียวซึ่งปราศจากเชื้ออย่างสม่ำเสมอเพื่อชะล้างน้ำมูกรวมทั้งสิ่งสกปรกอื่นที่ตกค้างอยู่ข้างใน และยังช่วยให้จมูกสะอาดและมีสุขภาพดีอีกด้วย
5. อาการเลือดกำเดาไหล
อาการเลือดกำเดาไหลเป็นอาการที่พบเจอได้บ่อยในช่วงฤดูหนาวโดยเฉพาะอากาศเย็นและแห้งเกินไป สาเหตุส่วนใหญ่มักไม่ร้ายแรง มักเกิดจากการแกะหรือแคะจมูก การจามหรือสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรง การได้รับบาดเจ็บบริเวณจมูกหรือใบหน้า รวมทั้งการใช้ยาละลายลิ่มเลือดก็อาจส่งผลได้ด้วย
วิธีดูแลตัวเองตอนเลือดกำเดาไหลสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้
- โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อให้เลือดไหลออกจากจมูก ไม่ควรนอนราบหรือแหงนหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลลงคอ
- บีบปลายจมูกปิดและค้างไว้จับเวลาประมาณ 5-10 นาที อาจหายใจทางปากร่วมด้วย
- เมื่อเลือดหยุดไหล ไม่ควรจับจมูกหรือสั่งน้ำมูกเพราะอาจทำให้เลือดกำเดาไหลอีก ถ้าเลือดกำเดาไหลอีกครั้งให้บีบปลายจมูกปิดค้างไว้ต่ออีก 5-10 นาที
- ไม่ควรใส่วัสดุในการซับเลือดกำเดาเข้าไปในจมูก เพราะอาจทำให้เลือดไหลเยอะกว่าเดิม
- หากเลือดไหลนานกว่า 20 นาทีควรรีบพบแพทย์
- บีบปลายจมูกปิดและใช้เจลเย็นประคบบริเวณจมูกและแก้มจนแน่ใจว่าเลือดหยุดไหล และควรเลี่ยงการยกของหนัก การทำงานที่ใช้แรงเยอะอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- การใช้สเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้โพรงจมูกเป็นประจำ ช่วยป้องกันโพรงจมูกแห้ง ลดโอกาสการเกิดเลือดกำเดาไหลจากโพรงจมูกแห้งได้ หากมีอาการเลือดกำเดาไหลเป็นประจำควรปรึกษาแพทย์
อ่านเพิ่มเติม: วิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือแบบถูกต้อง
ที่มาข้อมูล:
- https://www.webmd.com/a-to-z-guides/ss/slideshow-nose-about-health
- https://www.uofmhealth.org/conditions-treatments/ear-nose-throat/sinus
- https://www.healthline.com/health/stuffy-nose-relief
- https://www.webmd.com/cold-and-flu/5-ways-get-rid-stuffy-nose
- https://www.webmd.com/first-aid/nosebleeds-causes-and-treatments
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/164823