นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า “PM2.5 เป็นหนึ่งในฝุ่นหลายๆ ชนิดที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะขนาดที่เล็กมากๆ ทำให้สามารถผ่านทางเดินหายใจสู่ปอดและสร้างปัญหากับหลอดเลือดได้ง่ายกว่าฝุ่นที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมักจะโดนดักเอาไว้ด้วยขนจมูกและเมือก รวมถึงขนโบกตามช่องทางเดินหายใจ เมื่อฝุ่นจิ๋วเข้าสู่ร่างกายแล้ว อาจจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางเดินหายใจ จากการทะลุทะลวงผ่านปอดเข้าสู่เส้นเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย รวมทั้งเสี่ยงจะเกิดโรคมะเร็งปอดด้วย”
สอดคล้องกับความเห็นของ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังกล่าวว่า “PM2.5 สามารถทำให้ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ เช่น หืดหอบ มีอาการกำเริบได้ และในระยะยาวจะส่งผลให้ปอดทำงานถดถอย จนอาจก่อให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองและมะเร็งปอด”
ส่วนวิธีป้องกันก็มีหลากหลาย แต่อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยบรรเทาความหนักหนาหลังร่างกายปะทะกับฝุ่นละออง นั่นคือการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือที่มีความเข้มข้น 0.9 เปอร์เซ็นต์ (0.9% NaCl หรือเรียกว่า 0.9% NSS) ซึ่งหาซื้อง่ายตามร้านขายยาทั่วไป เพราะประโยชน์ของการล้างจมูก จะช่วยทำความสะอาดโพรงจมูก ซึ่งเป็นด่านแรกที่สำคัญในการนำอากาศเข้าร่างกาย ช่วยชะล้างเอาน้ำมูกหรือสิ่งสกปรกในโพรงจมูกออก บรรเทาอาการคัดจมูก แสบจมูก คัน จาม มีน้ำมูกไหลได้ ที่สำคัญการล้างจมูกยังช่วยลดจำนวนเชื้อโรค มลพิษ ฝุ่นละออง สารก่อภูมิแพ้ สิ่งระคายเคือง และสารที่เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ในโพรงจมูก รวมไปถึงไซนัส นอกจากนี้การล้างจมูกยังช่วยป้องกันการลุกลามของเชื้อโรคจากจมูกและไซนัสขึ้นไปหูชั้นกลาง หรือลงไปสู่ปอดได้ด้วย
อ้างอิง : https://waymagazine.org/how-to-survive-in-the-dust/