1.สิววัยรุ่นหรือสิวฮอร์โมน เกิดจากอะไรกันแน่
ก่อนจะรักษาสิวให้หายเราต้องทำความเข้าใจสาเหตุของสิวให้ดีก่อน เพราะสิวเกิดขึ้นตามกลไกของร่างกายเมื่อเราเข้าสู่วัยรุ่น (Puberty Hit) ในช่วงอายุ10-13ปี และจะทุเลาลงเองตอนอายุย่าง20ปี ตามการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรนที่เพิ่มขึ้น เจ้าฮอร์โมนนี้เองที่ทำให้มีการผลิตไขมัน(Sebum)จากต่อมไขมันเพื่อปกป้องผิวมากกว่าปกติจึงก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขุมและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วจนเป็นสิวในที่สุด
ซึ่งถ้าหากบริเวณผิวที่เป็นสิวสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียก็จะเกิดเป็นสิวอักเสบร่วมด้วยได้ฉะนั้นแล้วการสครับหน้าแรงๆทุกวันไม่ได้ช่วยให้สิวหายแต่อย่างใดแต่ยังเป็นสาเหตุให้ผิวระคายเคืองและนำไปสู่ปัญหาอื่นๆเพิ่มอีกต่างหาก
2.รวมประเภทสิว 6 แบบ รักษาอย่างไรได้บ้าง
โดยหลักๆแล้วสิวแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือสิวไม่อักเสบซึ่งมีสาเหตุมาจากการอุดตันของรูขุมขนและสิวอักเสบซึ่งมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย
- สิวไม่อักเสบ คือสิวอุดตัน (Comedones) ที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนจากไขมันส่วนเกินและเซลล์ผิวหนังตายแล้วที่สะสมอยู่บนผิว โดยปกติแล้วสิวอุดตันจะไม่บวมแดงหรือกดแล้วไม่เจ็บ ซึ่งสิวอุดตันมี 2 ประเภทคือ สิวหัวขาว และ สิวหัวดำ
1. สิวอุดตันชนิดสิวหัวขาว มีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีเดียวกับผิวหนังหรือสีขาวและ มีขนาดเล็ก
2. สิวอุดตันชนิดสิวหัวดำ มีลักษณะเป็นตุ่มนูนมีจุดดำตรงกลางจากการขยายตัวของท่อไขมันที่มีไขมันและเคราตินอุดตันอยู่ภายใน
- สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) คือสิวบวมแดง เกิดจากสิวอุดตันที่ติดเชื้อแบคทีเรีย มี 4 ประเภทตามลักษณะของการติดเชื้อ
3. สิวอักเสบตุ่มนูนแดง (Papules) มีลักษณะเป็นสิวอักเสบนูนแดง
4. สิวอักเสบตุ่มหนอง (Pustules) มีลักษณะเป็นสิวอักเสบนูนแดงและมีตุ่มหนองสีขาวปรากฏ
5. สิวอักเสบตุ่มนูนแดงใหญ่ (Nodules) มีลักษณะตุ่มแข็งเป็นไตและทำให้เจ็บปวดจากการอักเสบมากเนื่องจากอักเสบลึกลงไปในชั้นผิว
6. สิวซิสต์ (Cysts) มีลักษณะเป็นก้อนนูนและใหญ่ อาจมีทั้งเลือดและหนองอยู่ภายใน จับแล้วเจ็บปวดมากทั้งยังอักเสบลึกลงไปในชั้นผิวจนสามารถทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้เลย
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสิวชนิดไหน ก็ห้ามแกะและกดสิวด้วยตัวเองเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียจนอาการแย่กว่าเดิมได้ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการขัดถูผิวหน้าอย่างรุนแรงเพราะไม่ช่วยให้สิวหายแต่ยังทำร้ายผิวอีกต่างหาก
3.ดูแลความสะอาดผิวหน้าอย่างไรให้สิวหายไว จะใช้อะไรดี
การดูแลผิวหน้าจากภาวะสิวบุกให้หายไว พร้อมกลับมามั่นใจกับผิวใสได้อีกครั้งต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการรักษาความสะอาดของผิวไม่ให้เกิดไขมันส่วนเกินสะสมด้วยการล้างหน้าอย่างถูกวิธีซึ่งจะช่วยให้สิวบนหน้าหายไวกว่าการไม่ดูแลและปล่อยไว้เฉยๆ
- ล้างหน้าให้สะอาดทุกเช้าและเย็นด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม เพื่อลดการอุดตันของรูขุมขน เช่น การล้างหน้าด้วยน้ำเกลือปราศจากเชื้อ อย่างน้ำเกลือคลีนแอนด์แคร์ น้ำเกลือล้างแผลที่ผลิตจากเกลือนิวซีแลนด์ และมีตัวยาโซเดียมคลอไรด์ 0.9% ซึ่งเป็นค่าที่สมดุลกับความเข้มข้นของของเหลวในเซลล์ร่างกายของเรา พร้อมมั่นใจกับความสะอาดได้อย่างเต็มที่ในราคาที่เข้าถึงง่ายและหาซื้อได้ทั่วไป
- เลือกใช้ยาทาสิวชนิดที่มีกรดวิตามินเอเพื่อให้เยื่อบุเซลล์ผิวหนังมีการผลัดตัว ลดการเกิดสิ่งอุดตันในรูขุมขน ควรทายาชนิดนี้ในตอนกลางคืนเพื่อลดผลข้างเคียงจากการไวต่อแสงของผิว
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำเพราะยาทาสิวมีส่วนทำให้ผิวไวต่อแสงแดดกว่าปกติ โดยเลือกใช้ครีมกันแดดชนิด Non-comedogenic เพื่อลดการอุดตันของรูขุมขน
- หากเป็นสิวอักเสบชนิดมีหัวหนอง ควรใช้แผ่นดูดสิวแปะตอนกลางคืน แผ่นดูดสิวจะช่วยซับหนองออกแบบไม่ทำร้ายผิว ลดการเกิดรอยแผลหลังสิวหาย
- หมั่นดื่มน้ำให้เพียงพอและใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อคงความชุ่มชื่นของผิว
- หากมีสิวอักเสบหลายจุดจนรู้สึกเจ็บปวดมากควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อการรักษาอย่างถูกต้อง
ที่มาข้อมูล:
- http://www.thaipediatrics.org/Media/media-20180403103621.pdf
- https://www.dermatologistnewyork.org/blog/the-different-types-of-acne
- https://www.verywellhealth.com/types-of-acne-blemishes-15616
- https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/types-of-acne